เราสามารถแบ่งระบบป้องกันและระงับอัคคีภัย ได้เป็น 2 ส่วน โดยแยกตามลักษณะการทำงาน คือ
- ระบบป้องกันอัคคีภัย
มีไว้เพื่อคอยตรวจสอบสิ่งผิดปกติที่อาจจะส่งผลให้เกิดอัคคีภัยและแจ้งเหตุให้ทราบ ซึ่งอุปกรณ์ที่ป้องกันการเกิดอัคคีภัยหรืออุปกรณ์แจ้งเหตุ เช่น อุปกรณ์ตรวจจับควัน (Smoke Detector) อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector) อุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยมือ (Manual Call Point) อุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยแสง (Strobe Light) และอุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยเสียง (Bell) เป็นต้น - ระบบระงับอัคคีภัย
มีไว้เพื่อควบคุมอัคคีภัยไม่ให้ลุกลามหรือดับอัคคีภัย โดยมีอุปกรณ์ที่ใช้ควบคุมและดับอัคคีภัย เช่น ระบบหัวกระจายน้ำดับเพลิงแบบอัตโนมัติ (Sprinkler System) สายฉีดน้ำดับเพลิง (Fire Hose Cabinet) ถังดับเพลิง (Fire Extinguisher) และระบบก๊าซดับเพลิง (Gas Suppression System) เป็นต้น
ระบบป้องกันและระงับอัคคีภัย จำเป็นต่อชีวิตและทรัยพ์สิน ดังนี้
- ช่วยให้บุคคลที่อยู่ในสถานที่ สามารถทราบถึงเหตุการณ์อัคคีภัยได้ตั้งแต่เริ่มต้น ทำให้มีเวลามากพอสำหรับการอพยพ
- การตรวจพบอัคคีภัยได้อย่างรวดเร็วทันท่วงที ช่วยลดความเสียหายต่อทรัพย์สิน และสามารถควบคุมเหตุการณ์ไม่ให้ลุกลามเป็นวงกว้าง และลดผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ
- ความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR – Corporate Social Responsibility) เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้ง ไม่เพียงแต่บุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ได้รับผลกระทบเท่านั้น ย่อมส่งผลถึงครอบครัวของบุคคลเหล่านั้นด้วย อีกทั้งมลพิษที่เกิดขึ้น อาจส่งผลต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ระบบป้องกันและระงับอัคคีภัยที่มีประสิทธิผล หมายถึง เมื่อเกิดอัคคีภัยขึ้นสามารถทำงานได้ตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ ชีวิตปลอดภัย ทรัพย์สินเสียหายน้อยที่สุด ธุรกิจดำเนินต่อเนื่อง เพื่อให้บรรลุเป้าประสงค์ ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญตั้งแต่การออกแบบ ควบคุมการติดตั้ง และทดสอบระบบให้เป็นไปมมาตรฐานสากล รวมทั้งการตรวจสอบและบำรุงรักษาให้ระบบพร้อมใช้งานตลอดเวลา
การออกแบบ ควรเลือกระบบให้เหมาะสมกับลักษณะของอัคคีภัยที่อาจเกิดขึ้นได้ มีการแจ้งเตือนที่เหมาะสม เช่น มีระบบตรวจจับในตำแหน่งที่เหมาะสม ลักษณะของเชื้อเพลิง หรือชนิดของอุปกรณ์ควบคุมเปลวเพลิง เช่น ในห้องอุปกรณ์ไฟฟ้าควรเลือกใช้ระบบก๊าซดับเพลิง เลือกชนิดของสารดับเพลิง หรือเครื่องสูบน้ำดับเพลิงให้สอดคล้องกับลักษณะถังสำรองน้ำดับเพลิง เป็นต้น
ควบคุมการติดตั้ง ให้สอดคล้องกับการออกแบบและสามารถใช้งานได้ เช่น ตำแหน่งของหัวจ่ายน้ำดับเพลิง (Hydrant) ต้องสามารถเข้าไปใช้งานได้สะดวกและปลอดภัย การติดตั้งอุปกรณ์ประเภทป้องกันการระเบิด (Explosion Proof) ต้องติดตั้งแบบระบบปิดทั้งหมด เป็นต้น
ทดสอบระบบ ในทุก ๆ เหตุการณ์อันอาจจะเกิดขึ้นได้ เช่น ระบบสั่งการแบบอัตโนมัติและระบบสั่งการแบบบุคคลสำหรับเครื่องสูบน้ำดับเพลิง ระบบสั่งการแบบอัตโนมัติและระบบสั่งการแบบบุคคลสำหรับระบบก๊าซดับเพลิง เป็นต้น
การตรวจสอบและบำรุงรักษา ตามมาตรฐาน เช่น ตรวจสอบรูปแบบการกระจายของสารดับเพลิงของหัวกระจายแบบอัตโนมัติ (Sprinkler system) ของทุกปี ตรวจสอบสภาพชิ้นส่วนภายในของวาล์วควบคุมระบบกระจายน้ำดับเพลิงแบบฝอย (Water spray System) ทุกปี เป็นต้น